Only Dumb People Are Happy นิทรรศการที่ขุดคุ้ยความโง่มาอวดกัน ที่ Stupid Stay
Only Dumb People Are Happy นิทรรศการที่ขุดคุ้ยความโง่มาอวดกัน ที่ Stupid Stay
1 ก.พ. 2567
SHARE WITH:
1 ก.พ. 2567
1 ก.พ. 2567
SHARE WITH:
SHARE WITH:
Only Dumb People Are Happy นิทรรศการที่ขุดคุ้ยความโง่มาอวดกัน ที่ Stupid Stay
Uninspired by Current Events / A Kid From Yesterday / Vachboy / Fartboil / Nnene.iie / Stupid Shit / Nat Kunyapat / Poontany คือรายชื่อศิลปินที่ แหนม - มนัสรวี วงศ์ประดู่ และ แนน - นภัสวรรณ ศิริสุคนธ์ สองเพื่อนรักนักออกแบบเจ้าของ The Head and The Heart Studio ชวนมาร่วมวงความโง่ด้วยกันในงานแกรนด์โอเพนนิ่ง Stupid Stay โรงแรมแห่งความสร้างสรรค์ที่เป็นอีกหนึ่งงานที่น่าสนใจอย่างยิ่งใน Bangkok Design Week 2024 ตัวแทนจากเจริญนคร
แล้วทำไมต้องเป็นความโง่? เพราะทั้งสองต้องผ่านความโง่มากมายจากความหาทำ “ไม่เคยทําก่อสร้างก็ต้องทํา ไม่เคยทําโรงแรมก็ต้องทํา ทําทุกห้องก็ไม่เหมือนกันอีก” แต่ผลลัพธ์ก็แสดงบุคลิกอย่างชัดเจนของสตูดิโอและการเป็นพื้นที่แห่งแรงบันดาลใจ และกลายมาเป็นชื่อ Stupid Stay ตรงตัว
นิทรรศการงานเปิดจึงชวนศิลปินมานำเสนอความโง่ในแบบของตัวเอง เพราะความรู้สึกแบบนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของอินเนอร์ระหว่างการสร้างสรรค์งานของทุกคน แม้จะมีมีเดียมที่แตกต่างกันก็ตาม
“เราเชื่อว่าคนที่อยู่ในวงการสร้างสรรค์เจอโพรเซสนี้กันหมดแหละ ต้องผ่านความทุกข์ทรมานในการคิดงาน ทำไม่เป็น ทำไม่ถูก ทำแล้วคนไม่ยอมรับ ไม่มีทางที่จะไม่เจอ แต่สุดท้ายเขาก็ยังอยู่ มันเป็นเพราะอะไร แปลว่ามันมีความสุขอย่างหนึ่ง เราเลยเอาอันนี้มาเป็นคอนเซปต์ของงาน และตั้งชื่องานที่ว่า Only Dumb People Are Happy.”
IIIi - สเปซที่เป็นพื้นที่แห่งประสบการณ์
“เรามองว่าที่นี่ไม่ใช่แค่ที่พัก แต่เป็นประสบการณ์บางอย่าง และเป็นเรื่องถนัดของแหนมกับแนน” ภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้าเราตั้งแต่เดินเข้าอาคาร จนถึงเข้ามาสัมผัสภายในบอกได้อย่างชัดเจนผ่านเส้นสาย สเปซ และดีไซน์ ชนิดที่เราเห็นครั้งแรกก็บอกได้เลยว่า ตึกนี้เป็นของกราฟิกดีไซเนอร์!
ทั้งสองใช้เวลากับงานรีโนเวตโรงแรมแห่งนี้มาเป็นเวลา 3 ปี ร่วมกับทีมสถาปนิก Poonsook Architects และ Ham Architects ผ่านช่วงเวลาของการระดมไอเดียระหว่างสองศาสตร์ออกแบบ จนกระทั่งสถานการณ์โควิดกลับทำให้ทั้งสองเห็นภาพของโรงแรมแห่งนี้ชัดเจนขึ้น ว่าอีกปลายทางหนึ่ง ก็ต้องการให้ที่นี่เป็น Artist in Residence หรือพื้นที่สำหรับศิลปินในพำนักมาใช้ช่วงเวลาและสถานที่ร่วมด้วย เพื่อสร้างสังคมสร้างสรรค์ และเชื่อมโยงโรงแรมแห่งนี้กับศิลปะให้ได้อย่างที่ตั้งใจ
“3 ปีที่ผ่านมาก็มีทั้งเรื่องความกดดันของเวลา ทรัพยากร กับงานออกแบบที่อยู่ในหัวแต่ไม่รู้จะถ่ายทอดแบบไหน เรื่องก่อสร้าง จนไปถึงเรื่องบริหารโรงแรมก็ไม่รู้ว่าทำยังไง Feasibility หรือความเป็นไปได้ของโครงการต้องทำยังไง เราซัฟเฟอร์หลายอย่าง เป็นบ้าทุกวัน เราก็โง่แหละ แต่พอวันนั้นที่รู้สึกว่า จะโง่แล้วไง มันก็คือจบสำหรับเรา มันก็คือ โอเคเท่านั้นแหละ แล้วไปเริ่มทำอย่างอื่นใหม่ มันแค่ทำให้เรารู้สึกว่า เราก็แค่ยอมรับในสิ่งที่เราเป็น ก็แค่นั้นเอง”
ผลจากความโง่จึงออกมาเป็นห้องพัก 6 ห้องที่ไม่เหมือนกันเลยภายในอดีตอาคารพาณิชย์ในซอยเจริญนคร 10 ย่านชุมชนที่มีผู้อยู่อาศัยหลากหลาย แต่ละห้องแสดงคาแร็กเตอร์ที่แตกต่างกันชัดเจนตั้งแต่ห้องแบบ Dorm ที่มีห้องน้ำในตัวกว้างขวางสะใจ ห้องขนาดสบายที่เปิดกระจกรับแสงแบบเต็มอิ่มเต็มตา ไปจนถึงห้องขนาดพอดีตัวที่เป็นส่วนตัวแบบธรรมเนียมปฏิบัติ แต่ทุกห้องมีกิมมิกของการออกแบบในสไตล์กราฟิกดีไซเนอร์ที่ชวนให้เราเอ๊ะในทุกมุมที่กวาดสายตาไปมอง
IIIi - ขุดคุ้ยความโง่มาอวดกัน
เพราะงานเปิดโรงแรมตรงกันพอดีกับช่วง Bangkok Design Week 2024 และจุดหมายที่อยากสร้างระบบนิเวศให้กับศิลปิน แหนมและแนนจึงถือโอกาสนี้เชิญศิลปินเข้ามาร่วมอวดความโง่ผ่านผลงานศิลปะกัน ศิลปินมาจากคำเชิญชวนของทั้งคู่เอง และจากการเป็นแฟนคลับของน้องๆ ในสตูดิโอ ภายใต้ชื่อว่า Only Dumb People Are Happy
Uninspired by Current Events เป็นรุ่นน้องที่เคยร่วมงานกันจึงเป็นชื่อแรกที่ถูกเชื้อเชิญมาร่วมทำงาน ซึ่งเขาก็รู้สึกท้าทายกับการที่ต้องเปลี่ยนพื้นที่จัดแสดงงานจากในจอมาเป็นบนพื้นที่สัมผัสได้จริงในห้องโรงแรม และเขาก็ตั้งใจเลือกห้องที่ธรรมดาที่สุด เพื่อท้าทายกับงานที่จัดแสดง
“ผมเหมือนจะมี Struggle บางอย่างคือ งานที่ทำออกมาแล้ว คนก็ไม่ได้อยากไปห้อยไว้ในบ้าน เพราะเรื่องแบบนี้ไปห้อยไว้ก็จะหดหู่นิดนึง เหมือนมันบอกกับเราว่า เราก็ยังโง่ในการทำงานสำหรับแต่งบ้านอยู่ ครั้งนี้เลยได้ลองเลือกชิ้นงานที่เหมาะกับงานแต่งพื้นที่ หรือทำชิ้นใหม่ขึ้นมาเลยเพื่อให้เข้าไปวางในพื้นที่ห้องได้ อันนี้ก็เป็นโจทย์ที่เราตั้งให้ตัวเองจากโจทย์ของธีม เหมือนมาโง่เพื่อจะเรียนรู้ว่าสิ่งนี้ทำอย่างไร”
VACHBOY มากับเรื่องราวความหวังในมือที่สุดแล้วแต่จะปั้นแต่ง ผ่านดอกไม้ที่เราจะขยำ จะเด็ด หรือจะหล่อเลี้ยงยังไงก็ขึ้นอยู่กับเรา ซึ่งสำหรับเขาแล้ว ความโง่อยู่ในทุกโมเมนต์ของชีวิต
“เพราะต่อให้เราจะทำได้ถูกต้องหรือประสบความสำเร็จแค่ไหน มันก็จะมีความโง่สอดแทรกอยู่ในนั้น ความจริงมันคือส่วนหนึ่งของความสำเร็จของเราด้วยซ้ำ บางคนจะคิดว่าความสำเร็จกับความล้มเหลวเป็นคนละทางกัน แต่ผมว่ามันคือเพื่อนรักกันมากกว่า”
A Kid From Yesterday ท้าทายกับความเชื่อของตัวเองที่ไม่ค่อยเชื่อในเรื่องความโง่ “เพราะผมรู้สึกว่า เวลาคนที่บอกว่าอยากทำอะไรโง่ๆ ผมไม่เชื่อหรอกว่าเขาอยากเป็นคนโง่ เพราะมันเหมือนกับเป็นการปลอบตัวเองอย่างหนึ่งไม่ให้เจ็บปวดกับโลกใบนี้เท่าไหร่ สุดท้ายทุกคนก็อยากเป็นคนฉลาดอยู่ดี”
งานครั้งนี้ที่เขานำมาจัดแสดงเป็นสองชิ้นงานที่ชื่นชอบมากที่สุด และหนึ่งในนั้นก็ยังไม่เคยถูกจัดแสดงมาก่อน ซึ่งเกี่ยวกับความพยายามมองหาว่าอะไรคือจุดต่อไปหรือจุดสิ้นสุดของอะไรสักอย่างหนึ่ง เปรียบเทียบก็เหมือนเรากำลังพยายามไล่กัดหางตัวเองไปเรื่อยๆ “ผมคิดว่าน่าจะตรงกับคอนเซปต์ของงานนี้”
Nat Kunyapat ศิลปินที่จองห้องแบบหอพักเอาไว้ มาพร้อมกับงานชิ้นซิกเนเจอร์ของเธอ และงานชิ้นพิเศษที่ทำขึ้นสำหรับงานนี้โดยเฉพาะ และสำหรับตั้งคำถามถึงความโง่และความไม่รู้ แต่ก็มีความสุขกับสิ่งนั้น
“เลยนึกถึงตัวเองเวลาทำอะไรโง่ๆ แต่เราก็เอนจอยกับระหว่างทางของมัน เลยเปรียบเทียบกับแซนด์วิชที่เราจะชอบลองเปลี่ยนนั่นนี่ดู เปลี่ยนขนมปัง เอาไส้ผสม เอาของเหลือจากตู้เย็นมาใส่ เราไม่รู้หรอกว่ามันจะอร่อยหรือเปล่า มันอาจจะไม่อร่อยเลยก็ได้ แต่แค่รู้สึกมีความสุขที่ได้ทำ ซึ่งคำว่าโง่สำหรับเรามันเป็นนามธรรมนะ จะเป็นเชิงบวกหรือลบก็ได้ขึ้นอยู่กับบริบท เราก็ไม่ได้อยากตีกรอบกับมันว่าต้องมีความหมายอะไรขนาดนั้น บางทีเราก็อยากเป็นคนพูดเองว่าเราโง่”
Nnene.iie ศิลปินที่เอ่ยปากว่าคอนเซปต์ครั้งนี้ขัดกับความเป็นเธอมากที่สุด “เพราะเป็นคนจริงจังกับงานมาก กลัวจะไม่เข้าธีมหรือเปล่า” แต่เธอก็ใช้โอกาสนี้ในการได้ทดลองทำในเรื่องที่ไม่เคยทำ เช่นการวาดงานเลยโดยไม่ได้ร่างไว้ล่วงหน้า แต่ก็ไม่ทิ้งความจริงจังผ่านทางหัวเรื่องที่เลือกมาอย่างเรื่องกายวิภาคในร่างกายมนุษย์
“เราเปรียบเทียบโลกข้างในร่างกายคนว่า ฟังก์ชั่นของส่วนต่างๆ เปรียบกับโลกมนุษย์แล้วมันจะเป็นยังไง ดูเป็นเรื่องจริงจัง แต่ในกระบวนการทำงานมันโง่มาก เพราะวาดไปโดยไม่รู้จุดจบด้วยซ้ำว่าหน้าตาจะเป็นยังไง เหมือนขัดกับการทำงานปกติมาก แต่สุดท้ายแล้วก็ได้ปลดปล่อยมันออกไป”
Poontany กับการทำงานถ่ายทอดข้อมูลออกมาเป็นภาพ ซึ่งเหมือนจะเป็นเรื่องผู้คนมองว่าเป็นงานที่ต้องใช้ความฉลาด ทำงานกับข้อมูลยที่เยอะและยาก “จริงๆ แล้วงานพวกชาร์ตหรือไดอะแกรมพวกนี้ คนจะเข้าใจว่าคนที่อยู่เบื้องหลังมักจะเป็นคนฉลาด ตั้งใจทำงาน แต่จริงๆ ก็เป็นคนโง่เหมือนกัน แต่แค่สร้างภาพให้ฉลาดเฉยๆ ผ่านผลงาน”
งานทั้ง 18 ชิ้นท้าทายกับความคิดของผู้ชมเป็นอย่างมาก และท้าทายกับแนวคิดของปุณเช่นกัน “งานที่ภายนอกดูจริงจัง วิชาการมากๆ ข้างในอาจจะเป็นงานที่ไม่มีอะไรเลยก็ได้ งานที่ภายนอกอาจจะเหมือนศิลปะหนึ่งชิ้น แต่สามารถซ่อนงานวิชาการข้างในได้หมดเลย คือคิดกลับกันระหว่างสองอย่าง”
Stupid Shit ศิลปินที่ชื่อดูจะตรงกับธีมของงานมากที่สุด งานครั้งนี้ท้าทายเธอมากตรงที่เป็นการทำงานกับสเปซ ห้องนี้เธอต้องการแสดงความย้อนแย้งที่อยู่ภายในห้อง “ห้องใหญ่แน่นอนว่าคนจะต้องรู้สึกว่ามันโล่ง อยู่สบาย แล้วห้องเล็กมันต้องอึดอัดแน่ๆ แต่เราเอางานเข้าไปเปลี่ยนความรู้สึกของสเปซนั้น เลยอยากลองเล่นกับสิ่งนี้ดูว่า ความย้อนแย้งบางทีมันไม่ได้เป็นเรื่องใกล้ตัวขนาดนั้น แค่เรายอมรับหรือพยายามเข้าใจมันมากขึ้น มันก็เป็นอีกวิธีหนึ่งในการมองเช่นกัน”
นิยามความโง่สำหรับคนที่ใช้ชื่อแทนความโง่เสมอมา “เราไม่สามารถเป็นคนฉลาดได้ถ้าไม่เข้าใจความโง่มาก่อน แล้วเราก็เป็นคนโง่ไม่ได้ถ้าไม่รู้จักความฉลาด สุดท้ายแล้วมันเกี่ยวข้องกันอยู่แล้ว ความจริงไม่มีใครอยากโง่หรอก อย่างเราก็ยังตีกับตัวเองเลยว่าจะพยายามเอาความโง่มาให้คนเข้าใจยังไง หรือทำให้มันดูดียังไง แต่จริงๆ แล้วคนโง่อะ น่ากลัวที่สุด เพราะคาดเดาไม่ได้ มันก็เหมือนกับไม่มีใครรู้ว่าเราจะเอาอะไรมาห้อยเต็มโรงแรมยังไง”
งานครั้งนี้เหมือนกับเป็นการเปิดบ้านให้ย่านเจริญนครเป็นพื้นที่สร้างสรรค์สำหรับคนฝั่งธนที่ห่างไกลเพียงแม่น้ำกั้น และเหมือนเป็นการได้แลกเปลี่ยนกันเองระหว่างศิลปิน ชิ้นงาน พื้นที่ และคนเข้าชม ได้ลองตั้งคำถามผ่านชิ้นงานที่บอกเล่าผ่านตัวเอง ผ่านการจัดวาง และผ่านอารมณ์ความรู้สึก
Only Dumb People Are Happy จัดแสดงตั้งแต่วันนี้ถึงวันศุกร์ที่ 2 กุมภาพันธ์นี้ จัดแสดงเวลา 11.00 น.-19.00 น. ส่วนวันเสาร์อาทิตย์ที่ 3 และ 4 จัดแสดงเต็มอิ่มตั้งแต่เวลา 11.00 น.-21.00 น. ที่ Stupid Stay ซอยเจริญนคร 10 เดินทางได้ง่ายด้วยรถไฟฟ้าสายสีทองเพียงลงสถานีรถไฟฟ้าเจริญนคร แล้วเดินต่ออีก 8 นาที หรือจะขับรถมาเองก็มีที่จอดเสียค่าบริการในซอยเจริญนคร 10
Uninspired by Current Events / A Kid From Yesterday / Vachboy / Fartboil / Nnene.iie / Stupid Shit / Nat Kunyapat / Poontany คือรายชื่อศิลปินที่ แหนม - มนัสรวี วงศ์ประดู่ และ แนน - นภัสวรรณ ศิริสุคนธ์ สองเพื่อนรักนักออกแบบเจ้าของ The Head and The Heart Studio ชวนมาร่วมวงความโง่ด้วยกันในงานแกรนด์โอเพนนิ่ง Stupid Stay โรงแรมแห่งความสร้างสรรค์ที่เป็นอีกหนึ่งงานที่น่าสนใจอย่างยิ่งใน Bangkok Design Week 2024 ตัวแทนจากเจริญนคร
แล้วทำไมต้องเป็นความโง่? เพราะทั้งสองต้องผ่านความโง่มากมายจากความหาทำ “ไม่เคยทําก่อสร้างก็ต้องทํา ไม่เคยทําโรงแรมก็ต้องทํา ทําทุกห้องก็ไม่เหมือนกันอีก” แต่ผลลัพธ์ก็แสดงบุคลิกอย่างชัดเจนของสตูดิโอและการเป็นพื้นที่แห่งแรงบันดาลใจ และกลายมาเป็นชื่อ Stupid Stay ตรงตัว
นิทรรศการงานเปิดจึงชวนศิลปินมานำเสนอความโง่ในแบบของตัวเอง เพราะความรู้สึกแบบนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของอินเนอร์ระหว่างการสร้างสรรค์งานของทุกคน แม้จะมีมีเดียมที่แตกต่างกันก็ตาม
“เราเชื่อว่าคนที่อยู่ในวงการสร้างสรรค์เจอโพรเซสนี้กันหมดแหละ ต้องผ่านความทุกข์ทรมานในการคิดงาน ทำไม่เป็น ทำไม่ถูก ทำแล้วคนไม่ยอมรับ ไม่มีทางที่จะไม่เจอ แต่สุดท้ายเขาก็ยังอยู่ มันเป็นเพราะอะไร แปลว่ามันมีความสุขอย่างหนึ่ง เราเลยเอาอันนี้มาเป็นคอนเซปต์ของงาน และตั้งชื่องานที่ว่า Only Dumb People Are Happy.”
IIIi - สเปซที่เป็นพื้นที่แห่งประสบการณ์
“เรามองว่าที่นี่ไม่ใช่แค่ที่พัก แต่เป็นประสบการณ์บางอย่าง และเป็นเรื่องถนัดของแหนมกับแนน” ภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้าเราตั้งแต่เดินเข้าอาคาร จนถึงเข้ามาสัมผัสภายในบอกได้อย่างชัดเจนผ่านเส้นสาย สเปซ และดีไซน์ ชนิดที่เราเห็นครั้งแรกก็บอกได้เลยว่า ตึกนี้เป็นของกราฟิกดีไซเนอร์!
ทั้งสองใช้เวลากับงานรีโนเวตโรงแรมแห่งนี้มาเป็นเวลา 3 ปี ร่วมกับทีมสถาปนิก Poonsook Architects และ Ham Architects ผ่านช่วงเวลาของการระดมไอเดียระหว่างสองศาสตร์ออกแบบ จนกระทั่งสถานการณ์โควิดกลับทำให้ทั้งสองเห็นภาพของโรงแรมแห่งนี้ชัดเจนขึ้น ว่าอีกปลายทางหนึ่ง ก็ต้องการให้ที่นี่เป็น Artist in Residence หรือพื้นที่สำหรับศิลปินในพำนักมาใช้ช่วงเวลาและสถานที่ร่วมด้วย เพื่อสร้างสังคมสร้างสรรค์ และเชื่อมโยงโรงแรมแห่งนี้กับศิลปะให้ได้อย่างที่ตั้งใจ
“3 ปีที่ผ่านมาก็มีทั้งเรื่องความกดดันของเวลา ทรัพยากร กับงานออกแบบที่อยู่ในหัวแต่ไม่รู้จะถ่ายทอดแบบไหน เรื่องก่อสร้าง จนไปถึงเรื่องบริหารโรงแรมก็ไม่รู้ว่าทำยังไง Feasibility หรือความเป็นไปได้ของโครงการต้องทำยังไง เราซัฟเฟอร์หลายอย่าง เป็นบ้าทุกวัน เราก็โง่แหละ แต่พอวันนั้นที่รู้สึกว่า จะโง่แล้วไง มันก็คือจบสำหรับเรา มันก็คือ โอเคเท่านั้นแหละ แล้วไปเริ่มทำอย่างอื่นใหม่ มันแค่ทำให้เรารู้สึกว่า เราก็แค่ยอมรับในสิ่งที่เราเป็น ก็แค่นั้นเอง”
ผลจากความโง่จึงออกมาเป็นห้องพัก 6 ห้องที่ไม่เหมือนกันเลยภายในอดีตอาคารพาณิชย์ในซอยเจริญนคร 10 ย่านชุมชนที่มีผู้อยู่อาศัยหลากหลาย แต่ละห้องแสดงคาแร็กเตอร์ที่แตกต่างกันชัดเจนตั้งแต่ห้องแบบ Dorm ที่มีห้องน้ำในตัวกว้างขวางสะใจ ห้องขนาดสบายที่เปิดกระจกรับแสงแบบเต็มอิ่มเต็มตา ไปจนถึงห้องขนาดพอดีตัวที่เป็นส่วนตัวแบบธรรมเนียมปฏิบัติ แต่ทุกห้องมีกิมมิกของการออกแบบในสไตล์กราฟิกดีไซเนอร์ที่ชวนให้เราเอ๊ะในทุกมุมที่กวาดสายตาไปมอง
IIIi - ขุดคุ้ยความโง่มาอวดกัน
เพราะงานเปิดโรงแรมตรงกันพอดีกับช่วง Bangkok Design Week 2024 และจุดหมายที่อยากสร้างระบบนิเวศให้กับศิลปิน แหนมและแนนจึงถือโอกาสนี้เชิญศิลปินเข้ามาร่วมอวดความโง่ผ่านผลงานศิลปะกัน ศิลปินมาจากคำเชิญชวนของทั้งคู่เอง และจากการเป็นแฟนคลับของน้องๆ ในสตูดิโอ ภายใต้ชื่อว่า Only Dumb People Are Happy
Uninspired by Current Events เป็นรุ่นน้องที่เคยร่วมงานกันจึงเป็นชื่อแรกที่ถูกเชื้อเชิญมาร่วมทำงาน ซึ่งเขาก็รู้สึกท้าทายกับการที่ต้องเปลี่ยนพื้นที่จัดแสดงงานจากในจอมาเป็นบนพื้นที่สัมผัสได้จริงในห้องโรงแรม และเขาก็ตั้งใจเลือกห้องที่ธรรมดาที่สุด เพื่อท้าทายกับงานที่จัดแสดง
“ผมเหมือนจะมี Struggle บางอย่างคือ งานที่ทำออกมาแล้ว คนก็ไม่ได้อยากไปห้อยไว้ในบ้าน เพราะเรื่องแบบนี้ไปห้อยไว้ก็จะหดหู่นิดนึง เหมือนมันบอกกับเราว่า เราก็ยังโง่ในการทำงานสำหรับแต่งบ้านอยู่ ครั้งนี้เลยได้ลองเลือกชิ้นงานที่เหมาะกับงานแต่งพื้นที่ หรือทำชิ้นใหม่ขึ้นมาเลยเพื่อให้เข้าไปวางในพื้นที่ห้องได้ อันนี้ก็เป็นโจทย์ที่เราตั้งให้ตัวเองจากโจทย์ของธีม เหมือนมาโง่เพื่อจะเรียนรู้ว่าสิ่งนี้ทำอย่างไร”
VACHBOY มากับเรื่องราวความหวังในมือที่สุดแล้วแต่จะปั้นแต่ง ผ่านดอกไม้ที่เราจะขยำ จะเด็ด หรือจะหล่อเลี้ยงยังไงก็ขึ้นอยู่กับเรา ซึ่งสำหรับเขาแล้ว ความโง่อยู่ในทุกโมเมนต์ของชีวิต
“เพราะต่อให้เราจะทำได้ถูกต้องหรือประสบความสำเร็จแค่ไหน มันก็จะมีความโง่สอดแทรกอยู่ในนั้น ความจริงมันคือส่วนหนึ่งของความสำเร็จของเราด้วยซ้ำ บางคนจะคิดว่าความสำเร็จกับความล้มเหลวเป็นคนละทางกัน แต่ผมว่ามันคือเพื่อนรักกันมากกว่า”
A Kid From Yesterday ท้าทายกับความเชื่อของตัวเองที่ไม่ค่อยเชื่อในเรื่องความโง่ “เพราะผมรู้สึกว่า เวลาคนที่บอกว่าอยากทำอะไรโง่ๆ ผมไม่เชื่อหรอกว่าเขาอยากเป็นคนโง่ เพราะมันเหมือนกับเป็นการปลอบตัวเองอย่างหนึ่งไม่ให้เจ็บปวดกับโลกใบนี้เท่าไหร่ สุดท้ายทุกคนก็อยากเป็นคนฉลาดอยู่ดี”
งานครั้งนี้ที่เขานำมาจัดแสดงเป็นสองชิ้นงานที่ชื่นชอบมากที่สุด และหนึ่งในนั้นก็ยังไม่เคยถูกจัดแสดงมาก่อน ซึ่งเกี่ยวกับความพยายามมองหาว่าอะไรคือจุดต่อไปหรือจุดสิ้นสุดของอะไรสักอย่างหนึ่ง เปรียบเทียบก็เหมือนเรากำลังพยายามไล่กัดหางตัวเองไปเรื่อยๆ “ผมคิดว่าน่าจะตรงกับคอนเซปต์ของงานนี้”
Nat Kunyapat ศิลปินที่จองห้องแบบหอพักเอาไว้ มาพร้อมกับงานชิ้นซิกเนเจอร์ของเธอ และงานชิ้นพิเศษที่ทำขึ้นสำหรับงานนี้โดยเฉพาะ และสำหรับตั้งคำถามถึงความโง่และความไม่รู้ แต่ก็มีความสุขกับสิ่งนั้น
“เลยนึกถึงตัวเองเวลาทำอะไรโง่ๆ แต่เราก็เอนจอยกับระหว่างทางของมัน เลยเปรียบเทียบกับแซนด์วิชที่เราจะชอบลองเปลี่ยนนั่นนี่ดู เปลี่ยนขนมปัง เอาไส้ผสม เอาของเหลือจากตู้เย็นมาใส่ เราไม่รู้หรอกว่ามันจะอร่อยหรือเปล่า มันอาจจะไม่อร่อยเลยก็ได้ แต่แค่รู้สึกมีความสุขที่ได้ทำ ซึ่งคำว่าโง่สำหรับเรามันเป็นนามธรรมนะ จะเป็นเชิงบวกหรือลบก็ได้ขึ้นอยู่กับบริบท เราก็ไม่ได้อยากตีกรอบกับมันว่าต้องมีความหมายอะไรขนาดนั้น บางทีเราก็อยากเป็นคนพูดเองว่าเราโง่”
Nnene.iie ศิลปินที่เอ่ยปากว่าคอนเซปต์ครั้งนี้ขัดกับความเป็นเธอมากที่สุด “เพราะเป็นคนจริงจังกับงานมาก กลัวจะไม่เข้าธีมหรือเปล่า” แต่เธอก็ใช้โอกาสนี้ในการได้ทดลองทำในเรื่องที่ไม่เคยทำ เช่นการวาดงานเลยโดยไม่ได้ร่างไว้ล่วงหน้า แต่ก็ไม่ทิ้งความจริงจังผ่านทางหัวเรื่องที่เลือกมาอย่างเรื่องกายวิภาคในร่างกายมนุษย์
“เราเปรียบเทียบโลกข้างในร่างกายคนว่า ฟังก์ชั่นของส่วนต่างๆ เปรียบกับโลกมนุษย์แล้วมันจะเป็นยังไง ดูเป็นเรื่องจริงจัง แต่ในกระบวนการทำงานมันโง่มาก เพราะวาดไปโดยไม่รู้จุดจบด้วยซ้ำว่าหน้าตาจะเป็นยังไง เหมือนขัดกับการทำงานปกติมาก แต่สุดท้ายแล้วก็ได้ปลดปล่อยมันออกไป”
Poontany กับการทำงานถ่ายทอดข้อมูลออกมาเป็นภาพ ซึ่งเหมือนจะเป็นเรื่องผู้คนมองว่าเป็นงานที่ต้องใช้ความฉลาด ทำงานกับข้อมูลยที่เยอะและยาก “จริงๆ แล้วงานพวกชาร์ตหรือไดอะแกรมพวกนี้ คนจะเข้าใจว่าคนที่อยู่เบื้องหลังมักจะเป็นคนฉลาด ตั้งใจทำงาน แต่จริงๆ ก็เป็นคนโง่เหมือนกัน แต่แค่สร้างภาพให้ฉลาดเฉยๆ ผ่านผลงาน”
งานทั้ง 18 ชิ้นท้าทายกับความคิดของผู้ชมเป็นอย่างมาก และท้าทายกับแนวคิดของปุณเช่นกัน “งานที่ภายนอกดูจริงจัง วิชาการมากๆ ข้างในอาจจะเป็นงานที่ไม่มีอะไรเลยก็ได้ งานที่ภายนอกอาจจะเหมือนศิลปะหนึ่งชิ้น แต่สามารถซ่อนงานวิชาการข้างในได้หมดเลย คือคิดกลับกันระหว่างสองอย่าง”
Stupid Shit ศิลปินที่ชื่อดูจะตรงกับธีมของงานมากที่สุด งานครั้งนี้ท้าทายเธอมากตรงที่เป็นการทำงานกับสเปซ ห้องนี้เธอต้องการแสดงความย้อนแย้งที่อยู่ภายในห้อง “ห้องใหญ่แน่นอนว่าคนจะต้องรู้สึกว่ามันโล่ง อยู่สบาย แล้วห้องเล็กมันต้องอึดอัดแน่ๆ แต่เราเอางานเข้าไปเปลี่ยนความรู้สึกของสเปซนั้น เลยอยากลองเล่นกับสิ่งนี้ดูว่า ความย้อนแย้งบางทีมันไม่ได้เป็นเรื่องใกล้ตัวขนาดนั้น แค่เรายอมรับหรือพยายามเข้าใจมันมากขึ้น มันก็เป็นอีกวิธีหนึ่งในการมองเช่นกัน”
นิยามความโง่สำหรับคนที่ใช้ชื่อแทนความโง่เสมอมา “เราไม่สามารถเป็นคนฉลาดได้ถ้าไม่เข้าใจความโง่มาก่อน แล้วเราก็เป็นคนโง่ไม่ได้ถ้าไม่รู้จักความฉลาด สุดท้ายแล้วมันเกี่ยวข้องกันอยู่แล้ว ความจริงไม่มีใครอยากโง่หรอก อย่างเราก็ยังตีกับตัวเองเลยว่าจะพยายามเอาความโง่มาให้คนเข้าใจยังไง หรือทำให้มันดูดียังไง แต่จริงๆ แล้วคนโง่อะ น่ากลัวที่สุด เพราะคาดเดาไม่ได้ มันก็เหมือนกับไม่มีใครรู้ว่าเราจะเอาอะไรมาห้อยเต็มโรงแรมยังไง”
งานครั้งนี้เหมือนกับเป็นการเปิดบ้านให้ย่านเจริญนครเป็นพื้นที่สร้างสรรค์สำหรับคนฝั่งธนที่ห่างไกลเพียงแม่น้ำกั้น และเหมือนเป็นการได้แลกเปลี่ยนกันเองระหว่างศิลปิน ชิ้นงาน พื้นที่ และคนเข้าชม ได้ลองตั้งคำถามผ่านชิ้นงานที่บอกเล่าผ่านตัวเอง ผ่านการจัดวาง และผ่านอารมณ์ความรู้สึก
Only Dumb People Are Happy จัดแสดงตั้งแต่วันนี้ถึงวันศุกร์ที่ 2 กุมภาพันธ์นี้ จัดแสดงเวลา 11.00 น.-19.00 น. ส่วนวันเสาร์อาทิตย์ที่ 3 และ 4 จัดแสดงเต็มอิ่มตั้งแต่เวลา 11.00 น.-21.00 น. ที่ Stupid Stay ซอยเจริญนคร 10 เดินทางได้ง่ายด้วยรถไฟฟ้าสายสีทองเพียงลงสถานีรถไฟฟ้าเจริญนคร แล้วเดินต่ออีก 8 นาที หรือจะขับรถมาเองก็มีที่จอดเสียค่าบริการในซอยเจริญนคร 10