'Lick' ไอศกรีมวีแกนแห่งแรกของเกาะพะงัน ที่เติมเต็มความสุขจากวัตถุดิบท้องถิ่น
'Lick' ไอศกรีมวีแกนแห่งแรกของเกาะพะงัน ที่เติมเต็มความสุขจากวัตถุดิบท้องถิ่น
29 พ.ย. 2567
SHARE WITH:
29 พ.ย. 2567
29 พ.ย. 2567
SHARE WITH:
SHARE WITH:
'Lick' ไอศกรีมวีแกนแห่งแรกของเกาะพะงัน ที่เติมเต็มความสุขจากวัตถุดิบท้องถิ่น
"เมื่อไอเดียธรรมดากลายเป็นความหวานที่แสนพิเศษ ไอศกรีมวีแกนแห่งแรกของเกาะพงัน ได้พิสูจน์ว่าไอศกรีมวัตถุดิบจากท้องถิ่นสามารถเติมเต็มความสุขได้อย่างสมบูรณ์แบบ"
*Please scroll down for English version…
การเดินทางไปท่องเทียวเกาะมักถูกมองว่าเป็นการ "หนี" จากสิ่งเดิมๆ ในชีวิตทั้งในแง่ของงาน ความสัมพันธ์ หรือความวุ่นวายในสังคมเมือง แต่แท้จริงแล้วมันอาจไม่ได้เป็นการ "หนี" เสมอไป แต่เป็นการค้นหา ความสงบและการพักผ่อนและปลดปล่อยตัวเองสู่ธรรมชาติอย่างแท้จริง
“เกาะพะงัน” เป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสําหรับคนที่สนใจวัฒนธรรมการ retreat หรือการพักผ่อนเพื่อการฟื้นฟูจิตใจ ร่างกาย และจิตวิญญาณ หนู วัลยา ทิพย์วรรณาภรณ์, ตาว วรวรรษ กัมพลาศิริ,บัว จิดาภา หมอกมืด,ออฟ พัทธ์ศรณ์ นาวงศ์ศรี ทั้ง 4 คน ต่างก็ชื่นชอบมาพักผ่อน และมาใช้ชีวิตที่เกาะอยู่ที่นี่ ได้เห็น วัฒนธรรมที่หลากหลายของผู้คนที่มาจากหลายเชื้อชาติ และเหมือนมีความผูกพันกับธรรมชาติที่เราทุกคนต่างคนก็ชื่นชอบ จนเกิดแรงบันดาลใจในการสร้างสิ่งที่สะท้อนตัวตนและเชื่อมโยงกับผู้คนและธรรมชาติของที่นี่
llli จุดเริ่มต้นของแบรนด์
“ตอนเริ่มมันก็เป็นช่วงที่เป็นโควิดตอนนั้นล็อกดาวน์ที่กรุงเทพฯ พวกเราก็หนีมาอยู่เกาะที่เกาะพะงัน ในช่วงนั้นหลายคนก็ประสบปัญหาด้านเงินทุน ด้วยข้อจํากัดด้านงบประมาณ ก็ต้องใช้ความครีเอทีฟเข้ามาแก้ปัญหา เราก็ช่วยกันคิดว่าจะสร้างบางสิ่งที่สอดคล้องกับบรรยากาศของเกาะ ทําอะไรที่ลงทุนไม่มาก จึงตกลงกันว่าจะเปิดเป็นร้านไอศกรีมดู รวมเงินกันซื้อรถเก่ามาดัดแปลงเป็นฟู้ดทรัคเล็กๆ ด้วยแบคกราวด์พื้นที่ธรรมชาติบนเกาะที่ สวยงามอยู่แล้ว การกินไอศกรีมมันก็ส่งเสริมกัน
เราก็เริ่มจากทำเล็กๆไปก่อน ฟู้ดทรัคสามารถเคลื่อนย้ายได้ไป ขายตามที่ต่างๆได้ด้วย เมืองไทยเราเป็นเมืองร้อน ไอศกรีมจึงกลายเป็นของหวานที่ลงตัวสําหรับการพักผ่อน โดยเฉพาะบนเกาะพะงัน ที่มีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ด้วยบรรยากาศชิลล์ นั่งเล่นริมทะเล ไอศกรีมยังเป็นเหมือน “ภาษาสากล” ของหวานที่เข้าถึงง่ายและเหมาะกับทุกวัย
llli โมเดลสินค้าที่เริ่มทดลองตลาด เกิดเป็นร้านไอศกรีมวีแกนร้านแรกบนเกาะพะงัน
“คุณเลิกขายนม และเลิกขาย Daily product แล้วลองมาทําวีแกนเถอะ”
มีลูกค้าท่านหนึ่งพูดกับเรา ซึ่งจากความตั้งใจแรกเราแค่อยากทําแบรนด์ที่เราเชื่อว่าต้องเป็นสินค้าที่ดีออกมาก่อน เพื่อสร้างอาหารที่ดีให้กับโลกใบนี้ให้กับเกาะนี้แค่นั้นเอง ตอนแรกเราก็มีสินค้าที่มีส่วนผสมจากทั้งเนยนมและ plant based เพื่อเป็นตัวเลือกให้ลูกค้า ในช่วงเริ่มทําตลาด แล้ววันหนึ่งมีลูกค้ามาบอกกับเราว่า คุณลองทําไอติมวีแกนสิ ทุกคนทานได้หมด ทุกศาสนา ทุกชาติ ก็ทานได้หมด เราก็เลยเกิดการ เอ๊ะ! ทําไมเราไม่ลองดูนะ เพราะหนู กับ ใบบัวก็สนใจวีแกนอยู่แล้ว วัฒนธรรมการกินวีแกนบน เกาะพะงันก็มีร้านอาหารที่เป็นวีแกนอยู่หลายร้าน และเป็นเทรนด์ที่กําลังมาในอนาคต
ลูกค้าที่มาลองก็ชอบรูปแบบของวีแกนด้วย เราจึงลองมาศึกษาเรื่องส่วนผสมต่างๆ พอได้เริ่มลงมือทําเราเปลี่ยนวัตถุดิบแค่ไม่กี่อย่าง คน ที่ไม่รู้จะคิดว่ากระบวนการมันซับซ้อน แต่จริงๆมันง่ายกว่าที่คิด การบ้านหลักๆของเราก็ต้องกลับมาที่เรื่องของ รสชาติ ทําในรูปแบบวีแกนยังไงให้มันอร่อย จุดนี้เป็นสิ่งสําคัญที่เราต้องพัฒนากันอย่างต่อเนื่อง และหาวัตถุดิบ ใหม่ๆมาทดลองอยู่เสมอ
วัฒนธรรมการกินวีแกน จริงๆแล้วมันไม่ได้สุดโต่งถึงขั้นว่าทุกอย่างจะต้องตัดเนื้อสัตว์ออกหมด เราสามารถ เป็นวีแกนในบางวันและต้องการทานเนื้อสัตว์บางวันเพื่อประคองให้มีสารอาหาครบอยู่ หรือการทานวีแกนที่ลดเนื้อสัตว์บางวัน เพื่อเป็นการช่วยซ่อมแซมบางอย่างภายในร่างกาย ช่วยการล้างพิษภายในร่างกายได้ โดยใจความสําคัญคือการมุ่งเน้นการเลือกทานอาหารที่ช่วยให้สุขภาพดีขึ้น และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การปรับตัวเข้ากับวิถีนี้ไม่เพียงแต่ทําให้เรามีสุขภาพที่ดี แต่ยังช่วยสร้างโลกที่ยั่งยืนสําหรับอนาคตได้ด้วย
เรามองว่าเทรนด์การกินวีแกนมันจะเป็นที่นิยมในอนาคต ปัจจุบันทั่วโลกก็เริ่มหันมาสนใจการกินวีแกนมากขึ้น ในยุคแห่งข้อมูลข่าวสารทางอินเทอร์เน็ตทําให้เข้าถึงแหล่งความรู้งานวิจัยต่างๆได้ง่าย ทําให้คนรุ่นใหม่ก็เริ่มสนใจการกินวีแกนมากขึ้น เราเห็นชาวต่างชาติรุ่นใหม่ที่มาเที่ยวเกาะพะงันก็นิยมรับประทานวีแกนกันเยอะมาก
ประชากรโลกเริ่มสนใจเรื่องของความมั่นคงทางอาหารของโลก จากการที่อาหารผลิตได้น้อยลง ผลกระทบของสิ่งแวดล้อมจากการผลิตเนื้อสัตว์ ไปจนถึงเรื่องของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการใช้ทรัพยากรที่เกินจําเป็น ทําให้คนเริ่มปรับเรื่องของวัฒนธรรมการกินที่จะสามารถช่วยโลกและสิ่งแวดล้อมได้
llli เริ่มทํา ‘Branding’ ก่อนขาย เพราะแบรนด์คือ’การสร้างตัวตน’
ที่มาของชื่อแบรนด์อย่าง Lick ถ้าแปลมันก็คือ “เลีย” มันก็เข้าใจง่ายดี ถึงแม้ว่ามันอาจจะดูสองแง่สองง่าม แต่ด้วยคาแรกเตอร์เรามันเป็นคนที่รักสนุกเฮฮาอยู่แล้ว และแบรนด์มันอยู่บนเกาะก็อยากให้สนุกสนาน อีกอย่างคือเราทุกคนชอบแมว (หัวเราะ) เราคิดว่ามันทําให้คนจําง่าย มันดูทะเล้นดีในแบบของเรา
เราอยากมีตัวตนในการสื่อสารกับผู้คน และเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า เรามองถึงแผนระยะยาวแล้วมันคุ้มค่าที่จะทํา ผู้คนก็จะจําแบรนด์จากการมีตัวตนของเรา เราให้ดีไซเนอร์ใช้องค์ประกอบที่มันเบรกกับชื่อแบรนด์ ใช้คู่สีที่ดู น่ารัก สีชมพู สีเขียว บนเกาะพะงันเป็นพื้นที่ที่มีวัฒนธรรมหลากหลาย เป็นจุดศูนย์รวมแห่งกิจกรรมต่างๆ ทําให้เรารู้สึกว่า บรรยากาศที่นี่มันมีความน่าสนใจ เราจึงดีไซน์องค์ประกอบต่างๆให้คํานึงถึงความเป็นธรรมชาติ ดูสะอาด และไม่โดดจากพื้นที่จนเกินไป
ความถนัดของเราคือพวกเราอยู่ในแวดวงอุตสาหกรรมสื่อและการทํางานโปรดักชั่นกับโฆษณากันอยู่แล้วเราจึงสนุกกับการสร้างแบรนด์และหาวิธีการที่มันครีเอทีฟในการสื่อสารกับลูกค้า ที่เราเป็นไอศกรีมแบบที่ พิถีพิถันเรื่องรสชาติและวัตถุดิบ การสร้างแบรนคือการสร้างความไว้ใจให้ลูกค้า เรามีทักษะในการหยิบยกเรื่องราวของวัตถุดิบท้องถิ่นมาเล่าในเชิงสร้างสรรค์ การสร้างแบรนด์เหมือนกับเรามีแบบแผนที่จะใช้ทรัพยากรที่เรามีอย่างไรให้มีประสิทธิภาพ ที่สําคัญของการอยู่บนเกาะพะงันคือเรื่องของธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่องการจัดการขยะ เรื่องเหล่านี้เราให้ความสําคัญมาก เราอยากเน้นตรงจุดนี้ให้เป็น “Tone of Voice“ ของแบรนด์เราด้วย การสร้างแบรนด์จึงจําเป็นที่จะต้องมีการลงรายละเอียดต่างๆมากมาย และจำเป็นต้องใช้ดีไซน์เนอร์ที่เชี่ยวชาญเข้ามาช่วยออกแบบ
llli 'Taste of local' วัตถุดิบท้องถิ่นที่สร้างความแตกต่าง
จริงๆ ตั้งแต่แรกที่เราเปิด เราก็ไม่ได้อยากทํางานหนักขนาดนี้นะ 555 “ ร้านของเราอยู่บนเกาะ เราเห็นคนที่นี่ใช้ชีวิตที่เขาใส่ใจระบบนิเวศน์ ไม่เบียดเบียนธรรมชาติ ที่เกาะพะงันมีกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมหลากหลายรูปแบบ ทั้งการลดขยะ พลังงานสะอาด การลดใช้พลาสติก ฯลฯ มันก็ช่วยเปลี่ยนพฤติกรรม และความคิดเราเหมือนกัน กิจกรรมเหล่านี้ทําให้เราหันมาสนใจธรรมชาติเรื่องราววัตถุดิบท้องถิ่นในบ้านเรา ไอศกรีมของ Lick มีส่วนผสมหลักๆ ก็จะเป็นมะพร้าว นํ้าตาลโตนด น้ำตาลมะพร้าว ช็อกโกแลต แป้งข้าวเจ้า ฯลฯ ส่วนโคนเราก็ได้แรงบันดาลใจมาจากขนมทองม้วน ปรับสูตรแล้วนำมาม้วนเป็นโคน ส่วนผสมหลักคือมะพร้าว เราจึงเรียกโคนของเราว่า ‘Coneconut’
การหาวัตถุดิบก็เปิดโลกของเราหลายอย่าง ทําให้เราไปเจอว่าประเทศไทยมีวัตถุดิบทีเราไม่เคยเห็นอีกเยอะ มาก อย่างน้ําตาลตโนดจากธรรมชาติที่ในรูปแบบผง, cacao nips จากไร่อินทรีย์ ฯลฯ การเข้าไปซื้อของกับ เกษตรกรในแต่ละที่ เราไปเดินงานแสดงสินค้าต่างๆ เราก็เห็นการพัฒนาของเกษตรกรท้องถิ่นในหลายพื้นที่
คําว่า “Taste of Local” ในนิยามของเราคือถ้าเราจะไปเปิดที่ไหน เราก็จะใช้วัตถุดิบของพื้นที่นั้นให้ได้มากที่สุด สินค้าก็มีความเป็น เอกลักษณ์ตามพื้นที่นั้นๆด้วย เพราะเราอยากเห็นเกษตรกรเขาเติบโตและขายของได้เอง วัตถุดิบต่างๆ ที่เราใช้เราก็ ได้ทํากินเองด้วย เราจึงมั่นใจว่าสิ่งที่ลูกค้าได้ทานคือสิ่งที่มาจากมือเราจริงๆ เวลาเราเห็นลูกค้ามันก็เติมเต็มเราใน ด้านของความรู้สึกเหมือนกัน ทําให้เรามีกําลังใจที่จะทําสินค้าคุณภาพต่อไป
llli Lick ไอศกรีมที่เชื่อมโยงผู้คนจากเกาะเล็กสู่โลกกว้าง
“ลูกค้าหลายคนมาที่ร้านเพื่อพูดคุยและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ชีวิต บางคนมาจากอีกฟากหนึ่งของโลกพร้อมเรื่องราวที่น่าประทับใจ และบางครั้งแค่ไอศกรีมถ้วยเดียวก็สร้างรอยยิ้มให้เขาได้”
บางครั้งไอศกรีมของเราเป็นตัวกลางที่เชื่อมโยงเราให้ไปสัมผัสกับประสบการณ์ที่ต่างออกไป เกาะพะงันมีคนมา จากทั่วทุกมุมโลก เราได้เรียนรู้ แลกเปลี่ยนผ่านการพูดคุย การได้มาพักผ่อนที่เกาะของแต่ละคน ต่างก็มีเรื่องราว เบื้องหลัง ทั้งสุขและทุกข์ บางคนก็มีปัญหาชีวิต ทําให้เราเหมือนได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่างและได้รับคําแนะนําดีๆที่เอามาปรับใช้ในชีวิตและธุรกิจได้ การเปิดร้านไอศกรีมวีแกนบนเกาะเล็กๆ ที่นี่ไม่ใช่แค่การทําธุรกิจ แต่เป็นการสร้างชุมชนที่เต็มไปด้วยความสุขและเรื่องราว
ในด้านของเป้าหมายการทําธุรกิจ แน่นอนว่าเราก็วางแผนในระยะสั้นและระยะยาวของแบรนด์ไว้ เราอยากเปิดสาขาในกรุงเทพฯ รับผลิตสินค้ารูปแบบ OEM (Origianl Equipment Manufacturer) ให้กับคนที่อยากมีแบรนด์ไอศกรีมเป็นของตัวเอง และอนาคตถ้ามี โอกาสเรามีแผนอยากไปเปิดที่ต่างประเทศ ตอนนี้ขั้นแรกเราก็รู้สึกว่ามันก็สําเร็จในแบบที่เราอยากทําไว้แล้ว ถ้าเราได้โอกาสไปเปิดที่ไหนเราก็อยากใช้สินค้าของท้องถิ่นให้คนพื้นที่ได้เป็นพาร์ทเนอร์ ได้ประโยชน์ร่วมกัน เราอยากทําขนมหวานที่มีคุณภาพและอยากให้สังคมมันดีขึ้นด้วย
สําหรับผู้ที่วางแผนจะเดินทางสู่เกาะพงัน อย่าลืมแวะมาลิ้มลองไอศกรีมวีแกนของ Lick ที่เป็นรสชาติ แท้ๆ ของวัตถุดิบในท้องถิ่น และสัมผัสบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นและท่ามกลางผู้คนที่รักธรรมชาติอย่าง เกาะพงัน หรือสามารถติดตามกิจกรรมและร้าน pop-up ได้ทางโซเชียลมีเดีย Facebook และ Instagram @Licktasteoflocal
———
“Ice Cream from a Small Island with a Big Dream to Be Heard Around the World”
"The First Vegan Ice Cream shop on Koh Phangan Bringing Happiness through Local Ingredients."
From a simple idea to a sweet, unique creation, Lick – Koh Phangan’s first vegan ice cream – demonstrates how local ingredients can perfectly capture and deliver happiness.
llli A Journey to Connection, Not Escape
Traveling to islands is often seen as an escape—from work, relationships, or the chaos of city life. But on closer inspection, it’s less about running away and more about finding peace, rest, and the freedom to reconnect with nature.
Koh Phangan has become a haven for those seeking retreats that rejuvenate the mind, body, and spirit. For the four founders of Lick – Wallaya Tipvannaporn, Taw Worawat Kamolarsiri, Bua Jidapa Mokmued, and Off Patsorn Nawongsri – their visits to the island transformed into a life-changing journey. They were inspired by the island's diverse cultures, natural beauty, and the strong bond between people and the environment. This inspiration sparked the creation of a brand that reflects their connection to the island and its local way of life.
llli Where It All Began
“It all started during the pandemic lockdown in Bangkok. We found ourselves seeking refuge on Koh Phangan, where many people, including us, faced financial constraints. We had to rely on creativity to adapt,” recalls Wallaya.
The idea of starting something aligned with the island’s serene vibe led them to create an ice cream truck. Pooling their resources, they purchased an old vehicle and transformed it into a charming food truck. The pairing of Koh Phangan’s natural beauty and the simple joy of ice cream felt like a perfect match.
Initially, the concept was small-scale—a mobile truck moving around the island. Ice cream, especially in Thailand’s tropical climate, seemed ideal. With Koh Phangan attracting a global audience, the founders saw ice cream as a “universal language” that anyone could enjoy.
llli The Vegan Leap
In the beginning, Lick offered both dairy and plant-based options. One day, a customer asked, “Why not go fully vegan? Everyone, regardless of religion or nationality, can enjoy it.”
This sparked an idea. Two of the founders, Wallaya and Bua, already had a personal interest in veganism. The island’s thriving vegan food scene and the global shift toward plant-based diets inspired them to take the leap. They began experimenting with vegan recipes, shifting their focus to flavor—making vegan ice cream as delicious and satisfying as traditional versions.
llli Our Veganism Belief
At Lick, Veganism is not an extreme lifestyle but a mindful and flexible choice. It’s about balance—some days embracing plant-based living, other days incorporating what your body needs. Our approach promotes health, self-care, and a kinder relationship with the planet.
We see Veganism as a journey, not a set of rules. Even reducing meat and dairy occasionally can detox your body, improve health, and create a more sustainable world. It’s about making thoughtful choices that benefit both people and the Earth.
This belief shapes Lick’s mission: to craft delicious vegan ice cream that’s not only good for you but also good for the planet, proving that small, conscious changes can have a big impact.
llli The Name and Identity
Why "Lick"? “It’s playful, memorable, and ties into our love for cats,” laughs Wallaya. The cheeky name reflects the founders’ fun-loving personalities and the island’s lively energy.
The brand identity combines pastel shades of pink and green, symbolizing nature and playfulness. Koh Phangan’s vibrant multicultural vibe inspired a design that blends seamlessly with the island’s charm.
llli Celebrating Local Ingredients.
Sourcing ingredients revealed Thailand’s rich agricultural treasures. From organic cacao nibs to natural palm sugar, each element tells a story of local craftsmanship.
Lick’s signature creations include vegan ice cream made with coconut milk, palm sugar, and rice flour, and the Coneconut—a cone inspired by the traditional Thai dessert Thong Muan, crafted with coconut for a unique, local twist.
For Lick, “Taste of Local” means embracing the unique ingredients of every place they expand to. By partnering with local farmers, Lick fosters sustainable growth and celebrates authentic flavors.
llli Looking Forward
Lick began with a mission to share joy through ice cream and has grown into a symbol of creativity, sustainability, and community. The founders envision expanding to new locations while staying true to their roots—using local ingredients, reducing waste, and connecting people with nature and each other.
“Lick isn’t just about ice cream; it’s about bringing happiness to people and preserving the planet for future generations.”
Follow us for updates and inspiration Instagram: @lick_tasteoflocal Facebook : Lick - Taste of Local
"เมื่อไอเดียธรรมดากลายเป็นความหวานที่แสนพิเศษ ไอศกรีมวีแกนแห่งแรกของเกาะพงัน ได้พิสูจน์ว่าไอศกรีมวัตถุดิบจากท้องถิ่นสามารถเติมเต็มความสุขได้อย่างสมบูรณ์แบบ"
*Please scroll down for English version…
การเดินทางไปท่องเทียวเกาะมักถูกมองว่าเป็นการ "หนี" จากสิ่งเดิมๆ ในชีวิตทั้งในแง่ของงาน ความสัมพันธ์ หรือความวุ่นวายในสังคมเมือง แต่แท้จริงแล้วมันอาจไม่ได้เป็นการ "หนี" เสมอไป แต่เป็นการค้นหา ความสงบและการพักผ่อนและปลดปล่อยตัวเองสู่ธรรมชาติอย่างแท้จริง
“เกาะพะงัน” เป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสําหรับคนที่สนใจวัฒนธรรมการ retreat หรือการพักผ่อนเพื่อการฟื้นฟูจิตใจ ร่างกาย และจิตวิญญาณ หนู วัลยา ทิพย์วรรณาภรณ์, ตาว วรวรรษ กัมพลาศิริ,บัว จิดาภา หมอกมืด,ออฟ พัทธ์ศรณ์ นาวงศ์ศรี ทั้ง 4 คน ต่างก็ชื่นชอบมาพักผ่อน และมาใช้ชีวิตที่เกาะอยู่ที่นี่ ได้เห็น วัฒนธรรมที่หลากหลายของผู้คนที่มาจากหลายเชื้อชาติ และเหมือนมีความผูกพันกับธรรมชาติที่เราทุกคนต่างคนก็ชื่นชอบ จนเกิดแรงบันดาลใจในการสร้างสิ่งที่สะท้อนตัวตนและเชื่อมโยงกับผู้คนและธรรมชาติของที่นี่
llli จุดเริ่มต้นของแบรนด์
“ตอนเริ่มมันก็เป็นช่วงที่เป็นโควิดตอนนั้นล็อกดาวน์ที่กรุงเทพฯ พวกเราก็หนีมาอยู่เกาะที่เกาะพะงัน ในช่วงนั้นหลายคนก็ประสบปัญหาด้านเงินทุน ด้วยข้อจํากัดด้านงบประมาณ ก็ต้องใช้ความครีเอทีฟเข้ามาแก้ปัญหา เราก็ช่วยกันคิดว่าจะสร้างบางสิ่งที่สอดคล้องกับบรรยากาศของเกาะ ทําอะไรที่ลงทุนไม่มาก จึงตกลงกันว่าจะเปิดเป็นร้านไอศกรีมดู รวมเงินกันซื้อรถเก่ามาดัดแปลงเป็นฟู้ดทรัคเล็กๆ ด้วยแบคกราวด์พื้นที่ธรรมชาติบนเกาะที่ สวยงามอยู่แล้ว การกินไอศกรีมมันก็ส่งเสริมกัน
เราก็เริ่มจากทำเล็กๆไปก่อน ฟู้ดทรัคสามารถเคลื่อนย้ายได้ไป ขายตามที่ต่างๆได้ด้วย เมืองไทยเราเป็นเมืองร้อน ไอศกรีมจึงกลายเป็นของหวานที่ลงตัวสําหรับการพักผ่อน โดยเฉพาะบนเกาะพะงัน ที่มีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ด้วยบรรยากาศชิลล์ นั่งเล่นริมทะเล ไอศกรีมยังเป็นเหมือน “ภาษาสากล” ของหวานที่เข้าถึงง่ายและเหมาะกับทุกวัย
llli โมเดลสินค้าที่เริ่มทดลองตลาด เกิดเป็นร้านไอศกรีมวีแกนร้านแรกบนเกาะพะงัน
“คุณเลิกขายนม และเลิกขาย Daily product แล้วลองมาทําวีแกนเถอะ”
มีลูกค้าท่านหนึ่งพูดกับเรา ซึ่งจากความตั้งใจแรกเราแค่อยากทําแบรนด์ที่เราเชื่อว่าต้องเป็นสินค้าที่ดีออกมาก่อน เพื่อสร้างอาหารที่ดีให้กับโลกใบนี้ให้กับเกาะนี้แค่นั้นเอง ตอนแรกเราก็มีสินค้าที่มีส่วนผสมจากทั้งเนยนมและ plant based เพื่อเป็นตัวเลือกให้ลูกค้า ในช่วงเริ่มทําตลาด แล้ววันหนึ่งมีลูกค้ามาบอกกับเราว่า คุณลองทําไอติมวีแกนสิ ทุกคนทานได้หมด ทุกศาสนา ทุกชาติ ก็ทานได้หมด เราก็เลยเกิดการ เอ๊ะ! ทําไมเราไม่ลองดูนะ เพราะหนู กับ ใบบัวก็สนใจวีแกนอยู่แล้ว วัฒนธรรมการกินวีแกนบน เกาะพะงันก็มีร้านอาหารที่เป็นวีแกนอยู่หลายร้าน และเป็นเทรนด์ที่กําลังมาในอนาคต
ลูกค้าที่มาลองก็ชอบรูปแบบของวีแกนด้วย เราจึงลองมาศึกษาเรื่องส่วนผสมต่างๆ พอได้เริ่มลงมือทําเราเปลี่ยนวัตถุดิบแค่ไม่กี่อย่าง คน ที่ไม่รู้จะคิดว่ากระบวนการมันซับซ้อน แต่จริงๆมันง่ายกว่าที่คิด การบ้านหลักๆของเราก็ต้องกลับมาที่เรื่องของ รสชาติ ทําในรูปแบบวีแกนยังไงให้มันอร่อย จุดนี้เป็นสิ่งสําคัญที่เราต้องพัฒนากันอย่างต่อเนื่อง และหาวัตถุดิบ ใหม่ๆมาทดลองอยู่เสมอ
วัฒนธรรมการกินวีแกน จริงๆแล้วมันไม่ได้สุดโต่งถึงขั้นว่าทุกอย่างจะต้องตัดเนื้อสัตว์ออกหมด เราสามารถ เป็นวีแกนในบางวันและต้องการทานเนื้อสัตว์บางวันเพื่อประคองให้มีสารอาหาครบอยู่ หรือการทานวีแกนที่ลดเนื้อสัตว์บางวัน เพื่อเป็นการช่วยซ่อมแซมบางอย่างภายในร่างกาย ช่วยการล้างพิษภายในร่างกายได้ โดยใจความสําคัญคือการมุ่งเน้นการเลือกทานอาหารที่ช่วยให้สุขภาพดีขึ้น และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การปรับตัวเข้ากับวิถีนี้ไม่เพียงแต่ทําให้เรามีสุขภาพที่ดี แต่ยังช่วยสร้างโลกที่ยั่งยืนสําหรับอนาคตได้ด้วย
เรามองว่าเทรนด์การกินวีแกนมันจะเป็นที่นิยมในอนาคต ปัจจุบันทั่วโลกก็เริ่มหันมาสนใจการกินวีแกนมากขึ้น ในยุคแห่งข้อมูลข่าวสารทางอินเทอร์เน็ตทําให้เข้าถึงแหล่งความรู้งานวิจัยต่างๆได้ง่าย ทําให้คนรุ่นใหม่ก็เริ่มสนใจการกินวีแกนมากขึ้น เราเห็นชาวต่างชาติรุ่นใหม่ที่มาเที่ยวเกาะพะงันก็นิยมรับประทานวีแกนกันเยอะมาก
ประชากรโลกเริ่มสนใจเรื่องของความมั่นคงทางอาหารของโลก จากการที่อาหารผลิตได้น้อยลง ผลกระทบของสิ่งแวดล้อมจากการผลิตเนื้อสัตว์ ไปจนถึงเรื่องของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการใช้ทรัพยากรที่เกินจําเป็น ทําให้คนเริ่มปรับเรื่องของวัฒนธรรมการกินที่จะสามารถช่วยโลกและสิ่งแวดล้อมได้
llli เริ่มทํา ‘Branding’ ก่อนขาย เพราะแบรนด์คือ’การสร้างตัวตน’
ที่มาของชื่อแบรนด์อย่าง Lick ถ้าแปลมันก็คือ “เลีย” มันก็เข้าใจง่ายดี ถึงแม้ว่ามันอาจจะดูสองแง่สองง่าม แต่ด้วยคาแรกเตอร์เรามันเป็นคนที่รักสนุกเฮฮาอยู่แล้ว และแบรนด์มันอยู่บนเกาะก็อยากให้สนุกสนาน อีกอย่างคือเราทุกคนชอบแมว (หัวเราะ) เราคิดว่ามันทําให้คนจําง่าย มันดูทะเล้นดีในแบบของเรา
เราอยากมีตัวตนในการสื่อสารกับผู้คน และเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า เรามองถึงแผนระยะยาวแล้วมันคุ้มค่าที่จะทํา ผู้คนก็จะจําแบรนด์จากการมีตัวตนของเรา เราให้ดีไซเนอร์ใช้องค์ประกอบที่มันเบรกกับชื่อแบรนด์ ใช้คู่สีที่ดู น่ารัก สีชมพู สีเขียว บนเกาะพะงันเป็นพื้นที่ที่มีวัฒนธรรมหลากหลาย เป็นจุดศูนย์รวมแห่งกิจกรรมต่างๆ ทําให้เรารู้สึกว่า บรรยากาศที่นี่มันมีความน่าสนใจ เราจึงดีไซน์องค์ประกอบต่างๆให้คํานึงถึงความเป็นธรรมชาติ ดูสะอาด และไม่โดดจากพื้นที่จนเกินไป
ความถนัดของเราคือพวกเราอยู่ในแวดวงอุตสาหกรรมสื่อและการทํางานโปรดักชั่นกับโฆษณากันอยู่แล้วเราจึงสนุกกับการสร้างแบรนด์และหาวิธีการที่มันครีเอทีฟในการสื่อสารกับลูกค้า ที่เราเป็นไอศกรีมแบบที่ พิถีพิถันเรื่องรสชาติและวัตถุดิบ การสร้างแบรนคือการสร้างความไว้ใจให้ลูกค้า เรามีทักษะในการหยิบยกเรื่องราวของวัตถุดิบท้องถิ่นมาเล่าในเชิงสร้างสรรค์ การสร้างแบรนด์เหมือนกับเรามีแบบแผนที่จะใช้ทรัพยากรที่เรามีอย่างไรให้มีประสิทธิภาพ ที่สําคัญของการอยู่บนเกาะพะงันคือเรื่องของธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่องการจัดการขยะ เรื่องเหล่านี้เราให้ความสําคัญมาก เราอยากเน้นตรงจุดนี้ให้เป็น “Tone of Voice“ ของแบรนด์เราด้วย การสร้างแบรนด์จึงจําเป็นที่จะต้องมีการลงรายละเอียดต่างๆมากมาย และจำเป็นต้องใช้ดีไซน์เนอร์ที่เชี่ยวชาญเข้ามาช่วยออกแบบ
llli 'Taste of local' วัตถุดิบท้องถิ่นที่สร้างความแตกต่าง
จริงๆ ตั้งแต่แรกที่เราเปิด เราก็ไม่ได้อยากทํางานหนักขนาดนี้นะ 555 “ ร้านของเราอยู่บนเกาะ เราเห็นคนที่นี่ใช้ชีวิตที่เขาใส่ใจระบบนิเวศน์ ไม่เบียดเบียนธรรมชาติ ที่เกาะพะงันมีกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมหลากหลายรูปแบบ ทั้งการลดขยะ พลังงานสะอาด การลดใช้พลาสติก ฯลฯ มันก็ช่วยเปลี่ยนพฤติกรรม และความคิดเราเหมือนกัน กิจกรรมเหล่านี้ทําให้เราหันมาสนใจธรรมชาติเรื่องราววัตถุดิบท้องถิ่นในบ้านเรา ไอศกรีมของ Lick มีส่วนผสมหลักๆ ก็จะเป็นมะพร้าว นํ้าตาลโตนด น้ำตาลมะพร้าว ช็อกโกแลต แป้งข้าวเจ้า ฯลฯ ส่วนโคนเราก็ได้แรงบันดาลใจมาจากขนมทองม้วน ปรับสูตรแล้วนำมาม้วนเป็นโคน ส่วนผสมหลักคือมะพร้าว เราจึงเรียกโคนของเราว่า ‘Coneconut’
การหาวัตถุดิบก็เปิดโลกของเราหลายอย่าง ทําให้เราไปเจอว่าประเทศไทยมีวัตถุดิบทีเราไม่เคยเห็นอีกเยอะ มาก อย่างน้ําตาลตโนดจากธรรมชาติที่ในรูปแบบผง, cacao nips จากไร่อินทรีย์ ฯลฯ การเข้าไปซื้อของกับ เกษตรกรในแต่ละที่ เราไปเดินงานแสดงสินค้าต่างๆ เราก็เห็นการพัฒนาของเกษตรกรท้องถิ่นในหลายพื้นที่
คําว่า “Taste of Local” ในนิยามของเราคือถ้าเราจะไปเปิดที่ไหน เราก็จะใช้วัตถุดิบของพื้นที่นั้นให้ได้มากที่สุด สินค้าก็มีความเป็น เอกลักษณ์ตามพื้นที่นั้นๆด้วย เพราะเราอยากเห็นเกษตรกรเขาเติบโตและขายของได้เอง วัตถุดิบต่างๆ ที่เราใช้เราก็ ได้ทํากินเองด้วย เราจึงมั่นใจว่าสิ่งที่ลูกค้าได้ทานคือสิ่งที่มาจากมือเราจริงๆ เวลาเราเห็นลูกค้ามันก็เติมเต็มเราใน ด้านของความรู้สึกเหมือนกัน ทําให้เรามีกําลังใจที่จะทําสินค้าคุณภาพต่อไป
llli Lick ไอศกรีมที่เชื่อมโยงผู้คนจากเกาะเล็กสู่โลกกว้าง
“ลูกค้าหลายคนมาที่ร้านเพื่อพูดคุยและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ชีวิต บางคนมาจากอีกฟากหนึ่งของโลกพร้อมเรื่องราวที่น่าประทับใจ และบางครั้งแค่ไอศกรีมถ้วยเดียวก็สร้างรอยยิ้มให้เขาได้”
บางครั้งไอศกรีมของเราเป็นตัวกลางที่เชื่อมโยงเราให้ไปสัมผัสกับประสบการณ์ที่ต่างออกไป เกาะพะงันมีคนมา จากทั่วทุกมุมโลก เราได้เรียนรู้ แลกเปลี่ยนผ่านการพูดคุย การได้มาพักผ่อนที่เกาะของแต่ละคน ต่างก็มีเรื่องราว เบื้องหลัง ทั้งสุขและทุกข์ บางคนก็มีปัญหาชีวิต ทําให้เราเหมือนได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่างและได้รับคําแนะนําดีๆที่เอามาปรับใช้ในชีวิตและธุรกิจได้ การเปิดร้านไอศกรีมวีแกนบนเกาะเล็กๆ ที่นี่ไม่ใช่แค่การทําธุรกิจ แต่เป็นการสร้างชุมชนที่เต็มไปด้วยความสุขและเรื่องราว
ในด้านของเป้าหมายการทําธุรกิจ แน่นอนว่าเราก็วางแผนในระยะสั้นและระยะยาวของแบรนด์ไว้ เราอยากเปิดสาขาในกรุงเทพฯ รับผลิตสินค้ารูปแบบ OEM (Origianl Equipment Manufacturer) ให้กับคนที่อยากมีแบรนด์ไอศกรีมเป็นของตัวเอง และอนาคตถ้ามี โอกาสเรามีแผนอยากไปเปิดที่ต่างประเทศ ตอนนี้ขั้นแรกเราก็รู้สึกว่ามันก็สําเร็จในแบบที่เราอยากทําไว้แล้ว ถ้าเราได้โอกาสไปเปิดที่ไหนเราก็อยากใช้สินค้าของท้องถิ่นให้คนพื้นที่ได้เป็นพาร์ทเนอร์ ได้ประโยชน์ร่วมกัน เราอยากทําขนมหวานที่มีคุณภาพและอยากให้สังคมมันดีขึ้นด้วย
สําหรับผู้ที่วางแผนจะเดินทางสู่เกาะพงัน อย่าลืมแวะมาลิ้มลองไอศกรีมวีแกนของ Lick ที่เป็นรสชาติ แท้ๆ ของวัตถุดิบในท้องถิ่น และสัมผัสบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นและท่ามกลางผู้คนที่รักธรรมชาติอย่าง เกาะพงัน หรือสามารถติดตามกิจกรรมและร้าน pop-up ได้ทางโซเชียลมีเดีย Facebook และ Instagram @Licktasteoflocal
———
“Ice Cream from a Small Island with a Big Dream to Be Heard Around the World”
"The First Vegan Ice Cream shop on Koh Phangan Bringing Happiness through Local Ingredients."
From a simple idea to a sweet, unique creation, Lick – Koh Phangan’s first vegan ice cream – demonstrates how local ingredients can perfectly capture and deliver happiness.
llli A Journey to Connection, Not Escape
Traveling to islands is often seen as an escape—from work, relationships, or the chaos of city life. But on closer inspection, it’s less about running away and more about finding peace, rest, and the freedom to reconnect with nature.
Koh Phangan has become a haven for those seeking retreats that rejuvenate the mind, body, and spirit. For the four founders of Lick – Wallaya Tipvannaporn, Taw Worawat Kamolarsiri, Bua Jidapa Mokmued, and Off Patsorn Nawongsri – their visits to the island transformed into a life-changing journey. They were inspired by the island's diverse cultures, natural beauty, and the strong bond between people and the environment. This inspiration sparked the creation of a brand that reflects their connection to the island and its local way of life.
llli Where It All Began
“It all started during the pandemic lockdown in Bangkok. We found ourselves seeking refuge on Koh Phangan, where many people, including us, faced financial constraints. We had to rely on creativity to adapt,” recalls Wallaya.
The idea of starting something aligned with the island’s serene vibe led them to create an ice cream truck. Pooling their resources, they purchased an old vehicle and transformed it into a charming food truck. The pairing of Koh Phangan’s natural beauty and the simple joy of ice cream felt like a perfect match.
Initially, the concept was small-scale—a mobile truck moving around the island. Ice cream, especially in Thailand’s tropical climate, seemed ideal. With Koh Phangan attracting a global audience, the founders saw ice cream as a “universal language” that anyone could enjoy.
llli The Vegan Leap
In the beginning, Lick offered both dairy and plant-based options. One day, a customer asked, “Why not go fully vegan? Everyone, regardless of religion or nationality, can enjoy it.”
This sparked an idea. Two of the founders, Wallaya and Bua, already had a personal interest in veganism. The island’s thriving vegan food scene and the global shift toward plant-based diets inspired them to take the leap. They began experimenting with vegan recipes, shifting their focus to flavor—making vegan ice cream as delicious and satisfying as traditional versions.
llli Our Veganism Belief
At Lick, Veganism is not an extreme lifestyle but a mindful and flexible choice. It’s about balance—some days embracing plant-based living, other days incorporating what your body needs. Our approach promotes health, self-care, and a kinder relationship with the planet.
We see Veganism as a journey, not a set of rules. Even reducing meat and dairy occasionally can detox your body, improve health, and create a more sustainable world. It’s about making thoughtful choices that benefit both people and the Earth.
This belief shapes Lick’s mission: to craft delicious vegan ice cream that’s not only good for you but also good for the planet, proving that small, conscious changes can have a big impact.
llli The Name and Identity
Why "Lick"? “It’s playful, memorable, and ties into our love for cats,” laughs Wallaya. The cheeky name reflects the founders’ fun-loving personalities and the island’s lively energy.
The brand identity combines pastel shades of pink and green, symbolizing nature and playfulness. Koh Phangan’s vibrant multicultural vibe inspired a design that blends seamlessly with the island’s charm.
llli Celebrating Local Ingredients.
Sourcing ingredients revealed Thailand’s rich agricultural treasures. From organic cacao nibs to natural palm sugar, each element tells a story of local craftsmanship.
Lick’s signature creations include vegan ice cream made with coconut milk, palm sugar, and rice flour, and the Coneconut—a cone inspired by the traditional Thai dessert Thong Muan, crafted with coconut for a unique, local twist.
For Lick, “Taste of Local” means embracing the unique ingredients of every place they expand to. By partnering with local farmers, Lick fosters sustainable growth and celebrates authentic flavors.
llli Looking Forward
Lick began with a mission to share joy through ice cream and has grown into a symbol of creativity, sustainability, and community. The founders envision expanding to new locations while staying true to their roots—using local ingredients, reducing waste, and connecting people with nature and each other.
“Lick isn’t just about ice cream; it’s about bringing happiness to people and preserving the planet for future generations.”
Follow us for updates and inspiration Instagram: @lick_tasteoflocal Facebook : Lick - Taste of Local